ควบคุมข้อมูลสมาร์ทโฟน

5 ขั้นตอน ที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวบนออนไลน์ของคุณ

เมื่อคำนึงถึงข้อมูลที่สามารถเปิดเผยรายละอียดเกี่ยวกับตัวคุณให้กับคนอื่น ซึ่งมันอาจจะ ดูเหมือน ไม่ใช่เรื่องใหญ่: แถมใครจะสนใจเล่า หากคุณเป็นแฟนเพลงแนวลูกทุ่งอเมริกัน (คันทรี่) หรือชอบซื้อรองเท้าหลายคู่มากเกินกว่าความจำเป็นที่ต้องใช้ หรือกำลังเริ่มวางแผนพักร้อนล่วงหน้าหนึ่งปี

ปัญหานี้มาพร้อมกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณ เมื่อเวลาผ่านไป จะก่อเกิดให้เกิด แบบทางดิจิทัลของคุณเช่น อุปนิสัย, การเดินทางไปตามที่ต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สิ่งที่ชอบมากกว่าสิ่งอื่น ความเชื่อ และความลับของคุณ จะถูกเปิดเผยต่อผู้ที่ วิเคราะห์และแสวงหาผลกำไรจากข้อมูลเหล่านั้นกับบริษัทต่าง ๆ และนายหน้าข้อมูล (data brokers)

ครั้นเมื่อคุณได้อ่านและปฏิบัติตามคู่มือ Data Detox Kit นี้แล้ว คุณจะได้เข้าใจว่าข้อมูลละเอียดอ่อนของตนนั้นได้ถูกนำมาใช้อย่างไร และทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เช่นนี้แล้วคุณจะได้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อ ควบคุมการปรากฏตัวร่องรอยของข้อมูลของคุณบนอินเทอร์เน็ต

ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มเรียนรู้กันเลย!


1. การเปลี่ยนชื่ออุปกรณ์ของคุณ

พอถึงจุดหนึ่ง คุณอาจจะ "ตั้งชื่อ" โทรศัพท์ของคุณเพื่อเชื่อมต่อ ไวไฟ (Wi-Fi) หรือ บลูทูธ (Bluetooth) หรือทั้งสองอย่าง และในระหว่างการตั้งค่านั้น ชื่อโทรศัพท์ของคุณอาจจะถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ

สมมติว่า “ชื่อโทรศัพท์ของ Alex Chung” ได้ปรากฏบนเครือข่าย Wi-Fi ของจ้าของเครือข่ายนี้ และเช่นกัน หากบลูทูธ ของคุณเปิดใช้งานอยู่ ชื่อโทรศัพท์ก็จะไปปรากฏชื่อใน Bluetooth ของทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันนั้น

โดยปกติแล้ว คงไม่มีใครอยากประกาศชื่อตนเองออกไปดังๆ เมื่อเวลาเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือ สนามบิน โทรศัพท์ของคุณก็ไม่ควรส่งสัญญาณบอกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ในที่สาธารณะ

คุณสามารถเปลี่ยนชื่อโทรศัพท์ของคุณให้มาเป็นชื่อที่ไม่ระบุความเป็นตัวตนของคุณโดยที่คุณยังรักษาเอกลักษณ์ของคุณที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้:

สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแบบAndroid:

  • **เปลี่ยนชื่อ Wi-Fi **:
    • การตั้งค่า
    • Wi-Fi
    • โลโก้ เมนู →
    • ขั้นสูง / คุณสมบัติเพิ่มเติม
    • Wi-Fi Direct
    • เปลี่ยนชื่ออุปกรณ์
  • เปลี่ยนชื่อบลูทูธ:
    • การตั้งค่า
    • บลูทูธ
    • เปิดบลูทูธ หากปิด →
    • โลโก้ เมนู →
    • เปลี่ยนชื่ออุปกรณ์
    • ปิดบลูทูธ

 

สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแบบ iPhone:

  • เปลี่ยนชื่อโทรศัพท์:
    • การตั้งค่า
    • ทั่วไป
    • เกี่ยวกับ
    • เปลี่ยนชื่อ

หากต้องการความคิดสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อ อาจลองนึกถึงชื่อตัวละครโทรทัศน์ที่คุณชื่นชอบ หรือ วลีอย่าง“Open Sesame” เป็นต้น

หากคุณยังต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับโทรศัพท์ของคุณมากขึ้นได้อย่างไรนั้น ควรเริ่มด้วยวิธีการตั้งค่าเริ่มต้นให้กับอุปกรณ์ของคุณใหม่!


2. ลบร่องรอยประวัติตำแหน่ง GPS ของคุณ

อาจดูเหมือนว่าข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (Global Positioning System หรือ GPS) ของคุณจะเป็นเพียงข้อมูลแบบสุ่มแต่เมื่อข้อมูลทั้งหมดถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกันแล้ว ข้อมูลเหล่านี้สามารถเปิดเผยรายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับคุณรวมทั้ง อุปนิสัยของคุณ ที่พักอาศัย ที่ทำงาน หรือ สถานที่ๆ คุณชอบไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่บริษัทต่างๆและนายหน้าค้าข้อมูลมีความปราถนาเป็นอย่างมาก อาจเป็นเรื่องปกติที่ แอปปลิเคชั่นแผนที่ (หรือเรียกสั้นๆ ว่า แอป maps) ของคุณสามารถเข้าถึงจุดตำแหน่งที่คุณอยู่ได้ แต่คุณอาจประหลาดใจเมื่อเห็นแอปจำนวนมากมาย ที่คุณได้อนุญาตให้ สิทธิ์ในการเข้าถึงจุดพิกัดของคุณ

คุณสามารถ ดูตรวจสอบการขออนุญาตสิทธิ์ในการเข้าถึงตำแหน่งของผู้ใช้ในแต่ละแอป และ ปิดบริการระบุตำแหน่ง ควรตรวจสอบด้วยว่า แอป ใดที่ไม่จำเป็นต้องใช้การระบุตำแหน่ง (เช่น คุณควรถามตนเองว่า แอปเกม นั้นจำเป็นจะต้องรู้ตำแหน่งของคุณหรือไม่) รวมทั้ง แอป ที่คุณไม่ต้องการเก็บไว้:

Android:

  • การตั้งค่า
  • แอป
  • จัดการการเข้าถึงตำแหน่งของแต่ละแอป

 

iPhone:

  • การตั้งค่า
  • ความเป็นส่วนตัว
  • บริการระบุตำแหน่ง
  • จัดการการเข้าถึงตำแหน่งของแต่ละแอป

อีกทางหนึ่ง นั่นก็คือคุณสามารถปิดข้อมูลตำแหน่งของโทรศัพท์ทั้งเครื่องได้เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่ได้ใช้งาน และนั่นนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโบนัส! คุณสามารถกลับมาเปิดข้อมูลตำแหน่งอีกครั้งเมื่อต้องใช้แผนที่หรือแอปสภาพอากาศ เป็นต้น

Gif showing location services being turned off

Android:

  • การตั้งค่า
  • ความปลอดภัยและตำแหน่ง/ตำแหน่ง
  • ปิดตำแหน่ง

 

iPhone:

  • การตั้งค่า
  • ความเป็นส่วนตัว
  • บริการระบุตำแหน่ง
  • ปิดตำแหน่ง

ดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปิดบริการระบุตำแหน่งสำหรับ Google Maps และบัญชี Google ได้ที่แท็บ การทำให้ Google หายออกไปจากชีวิตของคุณ (Degooglise Your Life)


3. การจัดเก็บแอปของคุณ

ไม่ว่จะเป็น แอปโซเชียลมีเดีย แอปเกม หรือ แอปพยากรณ์อากาศก็ดี แอปเหล่านี้ต่างจ้องที่จะเข้าถึงข้อมูลของคุณ …และอาจกำลังเก็บรวบรวมข้อมูลของคุณเป็นจำนวนมากอยู่ก็ได้

การถอนการติดตั้งแอปที่คุณไม่เคยใช้ออกจากโทรศัพท์ของคุณ เป็นวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการทำดีท็อกซ์ทางดิจิทัลด้วยตนเอง

นอกจากนี้ การจัดเก็บแอปยังสามารถเพิ่มพื้นที่ว่างในโทรศัพท์ของคุณ ช่วยลดการใช้ข้อมูล และเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ วิธีการดังต่อไปนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมได้ โดยขึ้นอยู่กับแอป

Android:

  • การตั้งค่า
  • แอป
  • เลือกแอปที่คุณต้องการถอนการติดตั้ง →
  • ถอนการติดตั้ง

 

iPhone:

  • กดไอคอนแอปค้างไว้จนกระทั่งเมนูปรากฏขึ้น
  • เลือกตัวเลือกลบแอปจากรายการ
  • ยืนยันการลบแอป

หากคุณเคยชำระเงินค่าบริการ คุณเคยตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ยกเลิกค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (วิธีนี้จะไม่ทำให้คุณถูกเรียกเก็บเงินโดยไม่รู้ตัว) ขั้นตอนในการตรวจสอบจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบริการ ดังนั้นโปรดตรวจสอบที่หน้าเว็บไซ้ต์ “คำถามที่พบบ่อย” หรือติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าเพื่อขอคำแนะนำ

การขจัดความยุ่งเหยิงของแอปยังสามารถสร้างความแตกต่าง อย่างมีนัยยะสำคัญเช่นในด้านปริมาณข้อมูลที่คุณส่งออกไป ซึ่งบริษัทหลายแห่งอาจรวบรวมและใช้ข้อมูลของคุณเพื่อสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับคุณ แอปอัลเทอร์เนทีฟ ซึ่งเน้นการปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณที่ทำหน้าที่คล้ายกันกับแอปของบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ เพียงแต่ไม่รวบรวมข้อมูลของคุณหรือขายให้กับบุคคลที่สาม

สามารถอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์รวมแอปอัลเทอร์เนทีฟ

หากคุณรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง ที่จะทดแทนวิธีการสื่อสารต่างๆ ที่กำลังใช้อยู่นี้ คุณสามารถ เริ่มต้นด้วยหนึ่งหรือสองวิธีกันก่อน สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น สามารถเริ่มต้นที่เบราว์เซอร์ของคุณ: ว่าคุณจะสามารถแทนที่เบราว์เซอร์ปัจจุบันนี้ด้วยเบราว์เซอร์จาก Firefox หรือจากเบราว์เซอร์ที่เน้นปกป้องความเป็นส่วนตัวจากนักพัฒนาอื่นๆ ได้หรือไม่?

หากทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นนี้แล้ว คุณจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ดีทีเดียว ทีนี้ถ้าคุณสามารถจัดเก็บแอปในสมาร์ทโฟนให้เป็นระเบียบอย่างเป็นประจำ คุณจะรู้สึกว่าสามารถควบคุมระบบนิเวศของแอปได้ หันมาลองใช้แอปทำความสะอาดกันเถอะ!


4. ลดร่องรอยเท้าทางดิจิทัลของคุณ

เบราว์เซอร์บนโทรศัพท์ของคุณได้เก็บข้อมูลมากมายเกี่ยวกับคุณ อาทิ ตำแหน่ง GPS คำสืบค้นบนโปรแกรมค้นหา (search engine) เว็บไซต่างๆ ที่เข้าไปใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งต่อข้อมูลของคุณให้แก่บุคคลที่สาม

คุณสามารถควบคุมข้อมูลบางส่วนได้อีกครั้งโดยทำการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

โทรศัพท์ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์มักจะติดตั้งเบราว์เซอร์ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่จากโรงงาน ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวตั้งแต่แรกอยู่ก่อนแล้ว ทว่า คุณสามารถดาวน์โหลดและใช้เบราว์เซอร์ที่ซ่อนความเคลื่อนไหวและกิจกรรมบนเว็บไซต์ที่คุณเข้าไปเยี่ยมชมได้อย่างมากโดยสามารถเริ่มได้ที่การตั้งค่าเริ่มต้นความเป็นส่วนตัวเพื่อป้องกันคุณจากผู้ติดตามบุคคลที่สาม (trackers)

และเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้น คุณสามารถติดตั้งโปรแกรมเสริมที่เรียกว่า “ส่วนเสริมและส่วนขยาย” (โปรแกรมเหล่านี้มีขนาดเล็กและติดตั้งง่ายสำหรับเบราว์เซอร์ของคุณ ซึ่ง ทำให้กิจกรรมบนออนไลน์ของคุณเป็นส่วนตัวมากขึ้น)

หากต้องการปิดกั้นโฆษณาสอดแนมและผู้ติดตามที่มองไม่เห็นให้ติดตั้ง uBlock Origin (สำหรับเบราว์เซอร์ Chrome Safari และ Firefox) หรือ Privacy Badger (สำหรับ Chrome Firefox และ Opera)

เพื่อให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อกับไซต์ของคุณจะปลอดภัย หากเป็นไปได้ให้ติดตั้งโปรแกรมที่เข้ารหัสลับให้กับเว็บ HTTPS Everywhere: ส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในด้านความเป็นส่วนตัวทางการสื่อสารของคุณกับเว็บไซต์หลักหลายแห่งจะได้รับการเข้ารหัส และได้รับการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระหว่างการเชื่อมต่อ หากคุณเป็นผู้ใช้ Safari ที่ชอบคุณสมบัตินี้ สามารถตั้งค่าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นของคุณเป็นเบราว์เซอร์เช่น DuckDuckGo ที่ไม่ได้พัฒนามาจากบริษัทในเครือ Google ซึ่งจะเปลี่ยนให้คุณไปยังการเชื่อมต่อเข้ารหัสโดยอัตโนมัติ

อีกทั้ง Firefox ได้แนะนำอีกหลายวิธีในการป้องกันความปลอดภัยเบราว์เซอร์ของคุณมากขึ้น อ่านเพิ่มเติมได้ที่ addons.mozilla.org เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

หากคุณกำลังมองหาวิธีการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ของคุณ ก็สามารถเพิ่มความปลอดภัยบนเบราว์เซอร์เต็มรูปแบบ โดยทำตามวิธีที่เสนอไว้ข้างต้นนี้


5. หยุดการแท็กตนเองและคนอื่น

ทราบหรือไม่ว่า คุณได้สร้างข้อมูลของเพื่อนๆ โดยการแท็กพวกเขาในรูปภาพและโพสต์ในอดีต

ในทางตรงกันข้าม หากคุณอยากลดข้อมูลบนบริษัทโซเชียลมีเดียต่างๆ (ซึ่งนั่นขึ้นอยู่กับการใช้วิจารณญาณของคุณเอง) คุณสามารถเลิกแท็กตนเองและคนอื่นๆ ในรูปภาพและโพสต์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดีท็อกซ์ทางดิจิทัล เราแนะนำให้คุณ** แชร์ต่อบทความนี้! ** เพื่อชวนให้เพื่อนๆ ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานของคุณ มาเข้าร่วมแนวความคิดนี้ นั่นจะสามารถช่วยควบคุมข้อมูลของคุณที่ถูกส่งออกไปยังบุคคลที่สาม อีกทั้งการร่วมมือนี้จะช่วยติดตามข้อมูลของคุณและคนใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการดีท็อกซ์บนโลกออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น

หากวิธีนี้ได้ผลดีเยี่ยมสำหรับคุณ และทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้น คุณอาจอยากลองทำวิธีการดีทอกซ์ทางดิจิทัลตามด้านล่างนี้เพื่อเพิ่มการป้องกันความเป็นส่วนตัวมากขึ้นไป รวมไปถึงวิธี Degooglise ชีวิตของคุณ หรือวิธีการ ปิดช่องโหว่ความไม่ปลอดภัยบนโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของคุณ หรือหากคุณต้องการลดการใช้สมาร์ทโฟน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ สมาร์ทโฟนควรคู่กับนิสัยอันชาญฉลาด

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ: 22/4/2564