เปลี่ยนการตั้งค่าของคุณ

เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูล

หากอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงสถานที่สำหรับในการแชร์ต่อรูปภาพของ สุนัขในชุดไดโนเสาร์ ที่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาละเอียดอ่อนใดๆ ในการสื่อสารทางไซเบอร์ เราคงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้รหัสผ่านมากนัก

แต่อินเทอร์เน็ตยังเป็นพิ้นที่ในการชำระใบเสร็จ การขอรับใบสั่งยาอิเล็กทรอนิคส์ (e-Prescription) และการลงทะเบียนออกเสียงการเลือกตั้ง

ลองจินตนาการถึง “ของมีค่าแบบเสมือนจริง (virtual values)” ที่อยู่บนโลกไซเบอร์ของคุณเหล่านี้ที่ได้ถูกส่งผ่านบนอินเทอร์เน็ตและจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ของคุณ และคุณอาจตั้งคำถามว่า ทำไมถึงไม่รักษาความปลอดภัยในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ตให้มากเท่ากับกระเป๋าเงินหรือกุญแจของคุณเอง

วิธีหนึ่งที่ช่วยลดโอกาสไม่ให้บุคคลที่สามสามารถเข้าถึงสิ่งมีค่าบนโลกไซเบอร์ของคุณนั่นก็คือ การตั้งรหัสผ่านที่เดาได้ยาก โดยส่วนใหญ่คนจำนวนมากไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางเทคนิคเฉพาะทางถึงจะสามารถลักลอบเข้าไปใช้บัญชีออนไลน์ของคุณ นั่นหมายความว่า พวกเขาสามารถล็อกอินเข้าไปในบัญชีของคุณจากการคาดเดารหัสผ่าน หรือใช้โปรแกรมอัตโนมัติช่วย

ครั้นเมื่อบุคคลที่สามสามารถเข้าสู่บัญชีใดบัญชีหนึ่งได้แล้ว ยังสามารถใช้รหัสผ่านเดียวกันนี้เพื่อเข้าไปในบัญชีอื่นๆ ทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอุปนิสัย และข้อมูลประจำตัวดิจิทัลของคุณ และท้ายที่สุดเข้ายึดครองบัญชีที่คุณเป็นเจ้าของ

การเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ตามบทความ Data Detox Kit นี้ จะทำให้คุณได้พัฒนาความรู้และเพิ่มความปลอดภัยทางออนไลน์ของตนเอง

มาเริ่มเรียนรู้กันเถอะ!


1. ล็อกประตูดิจิทัลของคุณ

การล็อกหน้าจอโดยการสร้าง รหัสผ่าน หรือ วาดรูปแบบ หรือ การใช้ลายนิ้วมือ หรือใบหน้าของคุณเองก็ดี เพื่อล็อกอินเข้าไปใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณ นั้นอาจจะถือได้ว่าเป็น การป้องกันที่ดีที่สุด ที่จะไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปสู่อุปกรณ์ของคุณ แต่การล็อกหน้าจอก็มีหลายประเภทแตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่ว่าประเภทไหนเหมาะสมกับคุณ

การตั้งค่า ล็อกหน้าจอ ในสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ของคุณ จะทำให้เพิ่มการปกป้องที่มากกว่าการที่ไม่ตั้งค่าล็อกหน้าจอเลย และนี่ก็เสมือนกับล็อกต่างๆ ทั่วไปที่คุณใส่ไว้ที่ประตูของคุณ การล็อกหน้าจอจะสร้างเกราะความปลอดภัยมากกว่าวิธีอื่นๆ

จากประเภทการล็อกหน้าจอทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คุณควรจะตั้งรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำใครและคาดเดายาก นั่นหมายความว่า รหัสผ่านเพื่อการปลดล็อกอุปกรณ์ ควรมีตัวอักษร ตัวเลข และอักขระพิเศษ หากคุณได้ตั้งค่าใช้ด้วยการปัดบนหน้าจอ เพื่อเปิดโทรศัพท์มือถือโดยปกติแล้ว คุณสามารถเพิ่มความปลอดภัยเพิ่มขึ้นไปอีกโดยการตั้งรหัสผ่านยาวๆ หรือ คุณอาจจะใช้การวาดรูปแบบล็อกก็ได้ โดยการทำให้รูปแบบของคุณยาวขึ้น หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ตั้งค่า PIN ด้วยรหัส 1234 ทำไมไม่ลองทอยลูกเต๋า 7 ครั้งแล้วจำ PIN นั้นแทน

การเปลี่ยนเพียงน้อยนิดเช่นนี้กับอุปกรณ์จะช่วยให้คุณควบคุมได้มากขึ้น

โปรดอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าการล็อกหน้าจอเพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับการเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์


2. เปิดใจให้สิ่งที่ใช่

การตั้งรหัสผ่านที่ดีเดาได้ยากนั้นเป็นเรื่องง่าย คุณเพียงแค่ต้องทำตามหลักการพื้นฐานบางประการ

รหัสผ่านของคุณควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ยาว: ควรมีความยาวอย่างน้อย 8 อักขระ และรหัสผ่านจะแข็งแรงมากขึ้นไปกว่านี้อีกถ้าตั้งให้ยาวถึง 16-20 อักขระ
  • ไม่ซ้ำกัน: ควรตั้งรหัสผ่านแตกต่างกับบัญชีของทุกเว็บไซต์ที่ใช้อยู่
  • สุ่มเดา: ควรตั้งค่ารหัสผ่านอย่างไร้แบบแผน วิธีนี้ถือได้ว่ามีประโยชน์อย่างมากในการตั้งรหัสผ่าน เนื่องจากคุณควรหลีกเลี่ยงรหัสที่สร้างบนพื้นฐานของความเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งทำให้เดาได้ง่าย

ใช้ตัวอักษร ตัวเลข และอักขระพิเศษ คำแนะนำที่คุ้นเคยกันดีนี้ ยังคงมีประโยชน์ต่อการตั้งรหัสผ่านที่คาดเดารได้ยาก อย่างไรก็ตาม ระบบรหัสผ่านบางระบบไม่อนุญาตให้ใช้อักขระพิเศษ (เช่น @ # $% - = +) ถึงกระนั้นรหัสผ่านที่ยาวซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขย่อมดีกว่าแบบสั้นอย่างแน่นอน

เมื่อทำตามวิธีที่แนะนำข้างต้นนี้แล้ว ย่อมเป็นธรรมดาที่รหัสผ่านของคุณจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ดังนั้นคุณควรใช้ โปรแกรมจัดเก็บชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน (password manager) เพื่อจัดเก็บรหัสผ่านสำหรับล็อกอินทั้งหมดของคุณ ตัวอย่างโปรแกรมจัดเก็บชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้แก่ 1Password และ KeePassXC ซึ่งเป็นแอปที่มีจุดประสงค์ในการปกป้องการเข้าสู่ระบบของคุณและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่นๆ โดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ให้คนที่คุณไว้ใจข้ามาเท่านั้น: การตั้งรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก เกี่ยวกับการสร้างรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยากพร้อมขั้นตอนในการใช้โปรแกรมจัดเก็บชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน


3. เพิ่มการยืนยันตัวตนผ่าน 2 ขั้นตอน

การตั้งค่าการยืนยันตัวตนผ่านสองขั้นตอน (two-factor authentication หรือ 2FA) หรือ แบบผ่านหลายขั้นตอน (multi-factor authentication หรือ MFA) นั้นหมายถึง กรณีที่แม้จะมีคนมาพบรหัสผ่านของคุณแต่ พวกเขาอาจไม่สามารถเข้าไปในบัญชีของคุณได้เพราะไม่มีการยืนยันตัวตนเพิ่มเติม

คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการตั้งค่า 2FAหรือ MFA บนเว็บไซต์และแอปที่ใช้บ่อยๆ และ ที่สำคัญที่สุด อาทิ แอปการเงิน และบัญชีอีเมลต่างๆ ซึ่งคุณใช้กู้คืนเชื่อมโยงเข้ากับบัญชีอื่นๆ ของคุณ ขั้นตอนด้านล่างแสดงถึงการตั้งค่าแบบ 2FA

Google:

  • ลงชื่อเข้าใช้ บัญชีของฉัน.google.com
  • ความปลอดภัย
  • การยืนยันตัวตนผ่าน 2 ขั้นตอน
  • เริ่มต้นใช้งาน

 

Facebook:

  • แฮมเบอร์เกอร์ เมนู→
  • การตั้งค่า
  • ความปลอดภัยและเข้าสู่ระบบ
  • ใช้การยืนยันตัวตนผ่านสองขั้นตอน

คำแนะนำ: เมื่อตั้งค่าการยืนยันขั้นถัดไป คุณควรพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ SMS ในการยืนยันขั้นที่ 2 เมื่อส่งข้อความไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ เนื่องจากในกรณีที่คุณอาจทำโทรศัพท์หาย ดังนั้นอีเมลมักเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือกว่า

คุณสามารถอ่านบทความ ล็อกประตูดิจิทัลของคุณ: ดูแลความปลอดภัยของบัญชีของคุณ เพิ่มเติม เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบัญชีของคุณ


4. ปกป้องสิ่งมีค่าของคุณบนอินเทอร์เนต

เฉกเช่นการที่คุณดูแลสิ่งของมีค่าในบ้าน ข้อมูลที่คุณจัดเก็บไว้ก็ควรทำเฉกเช่นเดียวกัน ข้อมูลที่สำคัญนี้รวมถึง ข้อมูลละเอียดอ่อนอย่างเช่น บันทึกทางการเงิน สำเนาหนังสือเดินทาง ที่อยู่หรือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ ลองคำนึงถึง สถานที่ ที่คุณต้องการที่จะจัดเก็บข้อมูลของคุณที่มีค่าเหล่านี้และต้องคิดด้วยว่าจะ ทำอย่างไร คุณถึงจะปกป้องข้อมูลนั้นได้ อย่างที่แสดงให้เห็นด้านล่างนี้

การทำความสะอาดเฉพาะจุด นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดี หากคุณ ค้นหาข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเช่น เอกสารยืนยันตนเองที่ผ่านเครื่องสแกน รายละเอียดของธนาคาร หรือข้อมูลประกันสุขภาพ แล้วลบออกจากอีเมลหรือจากบัญชีอื่นๆ เพื่อระบุชื่อบางส่วน คุณสามารถดาวน์โหลดหรือพิมพ์ข้อมูลเหล่านี้ออกมาก่อนที่จะลบออกไป

การทำความสะอาดอย่างล้ำลึก วิธีการนี้จะสามารถลบข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ทั่วถึงมากกว่าและควรทำปีละครั้ง นั่นคือ คุณควรเก็บข้อมูลทุกอย่างที่พบในอีเมลหรือในบัญชีโซเชียลมีเดียของคุณ ด้วยการดาวน์โหลดข้อมูลเหล่านี้ลงในคอมพิวเตอร์ของคุณและลบเนื้อหาในบัญชีเพื่อ เริ่มต้นบัญชีใหม่

คำแนะนำ: การลบข้อมูลออกจากบัญชีเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ คุณควรลบไฟล์ออกทั้งหมดจากไฟล์ถังขยะ (Recyle Bin หรือ Trash) และจากแฟ้มไฟล์ชั่วคราว (Temporary Files) ด้วย

เลือกวิธีการจัดเก็บสำเนาไฟล์ที่เหมาะสม ไม่ว่าคุณต้องการทำสำเนาเอกสารของคุณแล้วเก็บไว้ในคลาวด์ (cloud) หรือ บันทึกลงในฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก (External Harddrive) หรือในแฟลชไดรฟ์ USB ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม โปรดแน่ใจว่าคุณจะไม่ทำรหัสดังกล่าวหาย

บทความ สิ่งมีค่าบนโลกออนไลน์: ปกป้องสิ่งมีค่าของคุณบนอินเทอร์เนต จะช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลออนไลน์ของคุณ


5. แชร์บทความนี้ในเครือข่ายของคุณ

เราอาจจะละเลยกับความหมายของคำว่า "เว็บ" (web หมายถึง เครือข่ายใยแมงมุม) และเหตุผลใดถึงใช้คำๆ นี้ นั่นก็เพราะ เราทุกคนเชื่อมต่อบนโลกออนไลน์ และผ่านเครือข่ายต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ในฐานะของ "เพื่อน" บนโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้ติดต่อในบัญชีอีเมลของเราและรูปภาพที่เราแชร์ทางออนไลน์ด้วย

เมื่อคุณเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บัญชีของคุณ เช่น เพิ่มความยากในการคาดเดาของรหัสผ่าน และลบข้อมูลของคุณออก นอกจากคุณจะได้รับประโยชน์แล้ว ทุกคนที่คุณเชื่อมต่อกับคุณจะมีความปลอดภัยมากขึ้นจากความพยายามของคุณ

เมื่อคุณทำความสะอาดบัญชีอีเมลและโซเชียลมีเดียของคุณ ควรพิจารณาว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง ที่คุณสามารถดาวน์โหลดและลบออกได้ ซึ่งอาจจะ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่เพื่อน หรือ เพื่อนร่วมงานของคุณ ข้อมูลนี้อาจเกี่ยวข้องกับ รายละเอียดธนาคารของพี่สาว รหัสกุญแจสำนักงาน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของลูกชายของคุณ แม้ว่าอาจจะมองดูว่าเป็นเพียงบันทึกทางข้อมูลบางส่วนเท่านั้น แต่มันอาจจะสร้างความวุ่นวายขึ้นมาภายหลังหากข้อมูลละเอียดอ่อนเหล่านี้ตกอยู่ในกำมือของบุคคลที่สามที่มีความประสงค์ที่ไม่ดี

แชร์ต่อบทความนี้! จากการแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มความปลอดภัยดิจิทัล นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน หากคุณอยากจะช่วยให้ เพื่อน ครอบครัว หรือ เพื่อนร่วมงานของคุณเปลี่ยนนิสัยในการปกป้องข้อมูลที่สำคัญของตนเองตามรูปแบบที่เหมาะสมกับพวกเขา คุณสามารถแบ่งปันบทความ Data Detox Kit นี้ให้กับพวกเขา

หากขั้นตอนเหล่านี้ได้ผลดีและทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้น ทำไมไม่ลอง เรียนรู้เกี่ยวกับโทรศัพท์เครื่องใหม่ของคุณอย่างใส่ใจ?

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ: 8/2/2564